บริการ Slip Verification ที่ใช่สำหรับทุกธุรกิจ เลือกอย่างไรไม่ให้พลาด

บริการ Slip Verification ที่ใช่สำหรับทุกธุรกิจ เลือกอย่างไรไม่ให้พลาด

ในยุคที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตเร็ว การรับชำระผ่านการโอนเงินผ่านธนาคารหรือโมบายแบงก์กิ้ง ก็มีความเสี่ยงเรื่องสลิปปลอม สลิปซ้ำ หรือยอดโอนที่ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ ซึ่งเสียทั้งเวลา ค่าแรงงาน รวมถึงความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ดังนั้นบริการ Slip Verification จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณไปดูว่าทำไม Slip Verification ถึงสำคัญ รวมไปถึงวิธีเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสม ควรเลือกแบบไหนดี? 

ทำไม Slip Verification ถึงสำคัญกับธุรกิจ

Slip Verification คือบริการตรวจสอบสลิปโอนเงิน ว่าเป็นสลิปจริงหรือปลอม ยอดเงิน, ธนาคาร, วัน-เวลา ตรงกับที่ระบุไว้หรือไม่ เช่น 

  • ลดความเสี่ยงจากการโกงหรือสวมรอย
  • เพิ่มความเร็วในการทำงาน 
  • ประหยัดต้นทุนด้านแรงงานและเวลา
  • เสริมความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้าและผู้ใช้งาน

ยกตัวอย่างเช่น บริการ Slip Verification API ของ อีซี่สลิป สามารถรองรับการอ่านค่า QR Code บนสลิปทุกธนาคาร มีความแม่นยำสูง พร้อมระบบที่ตรวจสอบสถานะและรายละเอียดการโอนจ่ายได้ทันที

เกณฑ์เลือกบริการ Slip Verification ที่เหมาะสม

เมื่อเข้าใจว่า Slip Verification มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไรแล้ว ขั้นต่อไปคือเลือกบริการที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ซึ่งมีเกณฑ์หลักที่ควรพิจารณาดังนี้

  1. ความแม่นยำและความรวดเร็ว ควรเลือกผู้ให้บริการที่ Slip Verification API หรือระบบตรวจสอบสลิปโอนเงินมีความแม่นยำสูง เช่นอ่าน QR Code ได้, ตรวจสอบกับฐานข้อมูลจริงของธนาคารหรือระบุ Transaction Reference ได้, และให้ผลการตรวจสอบทันทีหรือใกล้เคียงทันที เช่น EasySlip มีระบบที่ ตรวจสอบสถานะและรายละเอียดของการโอนจ่ายได้ทันที
  2. รองรับหลายธนาคาร และหลายรูปแบบไฟล์สลิป ถ้าธุรกิจของคุณรับสลิปจากธนาคารหลากหลายธนาคาร และรูปแบบสลิปไม่เหมือนกัน ควรเลือกบริการที่รองรับหลายลักษณะ เช่น EasySlip รองรับ ทุกธนาคาร ที่มี QR บนสลิป
  3. ความปลอดภัยของข้อมูล บนสลิปมีข้อมูลที่สำคัญ เช่น ยอดเงิน, ชื่อบัญชีผู้โอน, วันเวลา บริการต้องจัดการข้อมูลเหล่านี้ด้วยมาตรฐานที่ปลอดภัย มีการเข้ารหัส  และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูล ถ้ามีใบรับรองหรือใช้ HTTPS, การสำรองข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับ uptime ก็สำคุญ
  4. การเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ถ้าคุณมีเว็บไซต์, ระบบร้านค้าออนไลน์, WooCommerce, ระบบบัญชี หรือ Line OA/Chatbot, ERP, CRM ฯลฯ บริการ Slip Verification ควรมี API / Plugins / Integrations ที่ง่ายต่อการติดตั้ง ยกตัวอย่าง EasySlip มี WordPress Plugin ทำงานร่วมกับ WooCommerce และรองรับ Line OA/Chatbot เป็นต้น
  5. ต้นทุนและความคุ้มค่า ดูค่าบริการต่อเดือน/แพ็คเกจ จำนวนสลิปที่ตรวจสอบได้ต่อเดือน ราคาต่อสลิป หรือค่าธรรมเนียมเริ่มต้น Free Trial ถ้ามี 
  6. การบริการหลังการขายและซัพพอร์ตเทคนิค ถ้าเกิดปัญหาการเชื่อมต่อ, การอัปโหลดสลิป, หรือหาก API มีบั๊ก ต้องมีทีม support ที่ตอบได้รวดเร็ว และพร้อมซับพอร์ตตลอด 24 ชั่วโมง 

บริการ Slip Verification แบบ API เทียบกับแบบ Manual

เมื่อพูดถึง Slip Verification มี 2 ทางหลักที่นิยมใช้ คือ การตรวจสอบแบบ Manual โดยใช้คน และระบบตรวจสอบแบบอัตโนมัติผ่าน API และ Bot เรามาดูข้อเปรียบเทียบกันว่า 2 ระบบนี้มีข้อดีและข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

ข้อดี-ข้อเสียของการตรวจสลิปด้วยคน

ข้อดี:

  • เข้าใจภาพรวมของเรื่องละเอียดได้ดี คนสามารถตรวจสอบรายละเอียดที่ซับซ้อน เช่น ความเป็นไปได้ของการตัดต่อ รูปแบบฟอนต์ สีเงา ฯลฯ
  • มีความยืดหยุ่นเมื่อต้องตรวจสอบกรณีพิเศษ ถ้าสลิปไม่มาตรฐาน เช่นไม่มี QR Code หรือไฟล์ภาพเบลอมาหรือมุมถ่ายแปลก คนสามารถพิจารณาเคสต่อเคสได้

ข้อเสีย:

  • ใช้เวลานาน ถ้าธุรกิจมีสลิปจำนวนมาก จะเป็นภาระสำหรับฝ่ายบัญชี/ฝ่ายตรวจสอบ
  • เสี่ยงต่อความผิดพลาดของมนุษย์ เนื่องจากอาจมีความคลาดเคลื่อน, เห็นยอดไม่ชัด, สลิปซ้ำ, สับสนชื่อธนาคาร ฯลฯ เป็นต้น
  • ต้นทุนสูง ต้องมีคนคอยดูแลหลายคน หรือโอที เมื่อมีการตรวจสอบสลิปจำนวนมาก
  • ความล่าช้าในการตอบลูกค้า ลูกค้าอาจรอผลการยืนยันสลิปนาน ซึ่งส่งผลต่อลูกค้าที่มาใช้บริการ

ทำไมธุรกิจยุคใหม่ควรใช้ API ตรวจสลิปอัตโนมัติ

  • รู้ผลทันที: API ของ EasySlip จะแจ้งผลการตรวจสอบสลิปทันทีที่ได้รับสลิป รูปภาพ หรือ QR Code ของการโอนเงิน ซึ่งสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถดำเนินการต่อได้เร็ว ไม่ต้องรอคนตรวจสอบ 
  • รองรับการตรวจสอบจำนวนมาก: เมื่อลูกค้าโอนหลายรายการต่อวัน ระบบ API สามารถช่วยลดภาระในการตรวจสอบความซ้ำซ้อนและช่วยประหยัดเวลางานของบัญชีได้
  • สรุปรายงานย้อนหลังและรายวันได้: EasySlip มีฟีเจอร์ที่ให้ดูยอดโอนทั้งวันและย้อนหลังได้ ช่วยให้ดูแนวโน้ม ยอดเสีย ยอดผิดพลาด เป็นต้น
  • ลดเสี่ยงเรื่องสลิปปลอม, สลิปซ้ำ, สลิปมีการแก้ไขข้อมูล: ระบบ API จะอ่านค่า QR Code บนสลิป, รีเช็คกับธนาคาร ทำให้หลุดกรณีปลอมแปลงได้ยากขึ้น 
  • ลดงานซ้ำซ้อน: ผู้ดูแลระบบสามารถใช้เวลาพัฒนาธุรกิจหรือบริการใหม่ ๆ แทน 

ตัวอย่างการใช้งานจริงในธุรกิจ B2B และ B2C 

B2C (ธุรกิจขายปลีก / ร้านค้าออนไลน์)

สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีลูกค้าจำนวนมากจะแจ้งโอนเงินผ่านธนาคารบ่อย ๆ เช่น ลูกค้าโอนมาคืนนี้ ส่งสลิปทางไลน์หรืออีเมล หากไม่มีระบบ Slip Verification API หรือ Bot เช็กสลิป ร้านจะต้องให้แอดมินตรวจสอบสลิปทุกอัน ใช้เวลานาน บางทีลืม ล่าช้า ส่งผลลูกค้าไม่พอใจ แต่ถ้ามี EasySlip API หรือบอทผ่าน Line OA เมื่อใส่สลิปเข้ามา ระบบจะเช็กให้อัตโนมัติ และแจ้งผลทันที ช่วยลดเวลา รักษาความพึงพอใจลูกค้าได้อีกด้วย

B2B (ธุรกิจระหว่างธุรกิจ)

ยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่ต้องรับชำระเงินจากคู่ค้า โอนเข้าหลายบัญชี บางออเดอร์มีจำนวนเงินสูง ถ้าพึ่งพาการตรวจสบอแบบ Manual อาจเกิดข้อผิดพลาดที่ส่งผลกระทบกับการเงินสูง เช่น โอนผิดบัญชี หรือ สลิปปลอม โดยคู่ค้าอ้างว่าโอนแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ดังนั้นการใช้ Slip Verification API จะช่วยให้สามารถตรวจสอบยอดโอน รวมถึงรายละเอียดของ Transaction Reference ได้จาก QR Code เหมือน EasySlip ช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกรรมในสาย B2B ได้มาก 

วิธีเลือกผู้ให้บริการที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ

สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาตัวช่วยตรวจสอบสลิปโอนเงินอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกบริการ Slip Verification ที่ใช่ต่อธุรกิจอย่างไร? สามารถพิจารณาเลือกผู้ให้บริการที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณดังต่อไปนี้:

  1. ลองใช้ฟรีหรือทดสอบก่อน ควรเลือกผู้ให้บริการที่สามารถให้เราทดลองใช้งานได้ฟรีก่อนซื้อจริง
  2. ดูสเกลธุรกิจของคุณ จำนวนสลิป, ยอดโอนต่อวัน ถ้าธุรกิจมีการถ่ายโอนไปมามาก รายวันจำนวนสลิปสูง คุณอาจต้องใช้แพ็กเกจที่รองรับสลิปจำนวนมาก เช่น แพ็กเกจ Premium หรือ Diamond ของ EasySlip ที่ให้ตรวจได้หลายหมื่นครั้งต่อเดือน 
  3. เช็คว่าผู้ให้บริการรองรับธนาคารไหนบ้าง ถ้าธนาคารที่ใช้ไม่มีระบบ QR Code หรือไม่มี API สำหรับตรวจสลิป ก็อาจมีข้อจำกัด ควรศึกษาข้อมูลก่อนว่าผู้ให้บริการเชื่อมต่อกับธนาคารคุณหรือไม่ 
  4. ศึกษาเรื่อง SLA / Uptime / ความเสถียรของระบบ API ต้องตอบสนองได้ดี ไม่ล่มบ่อย เพราะถ้าลูกค้าโอนแล้ว รอการตรวจสอบช้า จะเป็นจุดอ่อน
  5. พิจารณาเรื่องราคาต่อหน่วยและ ROI ไม่ใช่แค่ราคาต่อเดือน แต่ต้องดูว่าราคาต่อสลิป / ราคาที่ต้องจ่ายเมื่อใช้เต็มขีดจำกัด มีความคุ้มหรือไม่ ถ้าเสียเงินไปเพื่อบริการที่ไม่ตอบโจทย์ มันก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี 
  6. บริการสนับสนุนและอัปเดตระบบ ถ้าผู้ให้บริการมีทีม support ที่ตอบเร็ว มีเอกสารสำหรับนักพัฒนา (developer docs), มี plugin/extension เพื่อช่วยคุณติดตั้งใช้งาน บอท หรือ Line OA ได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

สรุป เลือก Slip Verification อย่างไรไม่ให้พลาด

สำหรับ Slip Verification ไม่ใช่แค่เรื่องตรวจให้รู้ว่าเป็นของจริงหรือปลอมเท่านั้น แต่คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณมั่นคง ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า 

  • เริ่มจากเข้าใจ ขนาดธุรกิจ ความต้องการจำนวนสลิป ต่อวัน/เดือน
  • ดูเรื่อง ความแม่นยำ โดยเฉพาะ QR Code, Transaction Reference, ความสามารถในการรีเช็คกับธนาคาร
  • ตรวจสอบว่า รองรับธนาคาร ที่คุณใช้ หรือสามารถใช้งานในรูปแบบที่คุณสะดวก (Bot / Line OA / เว็ปไซต์ / Plugin)
  • พิจารณา ราคาและ ROI ไม่ใช่แค่ถูกสุดแต่ถ้าใช้แล้วไม่ตอบโจทย์ก็เสียทั้งเวลาและเงิน
  • อย่าลืมเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล และบริการ support หลังการขาย

หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยดี ๆ แบบนี้อยู่เราขอแนะนำผู้ให้บริการ Slip Verification ที่ตอบโจทย์ทุกธุรกิจอย่าง EasySlip ที่มี API เช็คสลิป, Line Chatbot ตรวจสลิปปลอม, แพ็กเกจตามจำนวนสลิป, รองรับหลายธนาคาร, และมีระบบ document / support ตอบคำถามเร็ว เรียกได้ว่าโอกาสพลาดจะลดลงมาก และคุณจะได้ระบบที่ช่วยให้ธุรกิจราบรื่น ปลอดภัย และเติบโตได้เร็วขึ้นอีกด้วย

แท็ก:

หมวดหมู่: ข่าวสาร

บทความที่เกี่ยวข้อง